การเคลื่อนที่แบบหมุน

การเคลื่อนที่แบบหมุน

Rotational motion




  1. ปริมาณต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
(1)อัตราเร็วเชิงมุม (angular speed)
อัตราเร็วเชิงมุม (ω) ในที่นี้หมายถึง ค่าอัตราเร็วเชิงมุมขณะใดขณะหนึ่งหรือค่าอัตราเร็วเชิงมุมเฉลี่ยของการเคลื่อนที่ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยหาได้จากสมการ

ω    =   Ɵ
            ∆t                             
                                                                                                
เมื่อ   ω    คือ อัตราเร็วเชิงมุมของวัตถุที่หมุนรอบแกนหมุน มีหน่วยเป็นเรเดียน/วินาที
         ∆Ɵ  คือ มุมที่วัดกวาดไปในช่วงเวลาสั้นๆ ∆t
(2)ความเร็วเชิงมุม (angular velocity)
ความเร็วเชิงมุม (ϖ) หมายถึง การกระจัดเชิงมุม (∆Ӫ)ที่เปลี่ยนไปในเวลาหนึ่งหน่วย ซึ่งเขียนสมการได้ว่า

                                                        ϖ   =  Ӫ
                                                                                 ∆t
                การหาทิศทางการกระจัดเชิงมุม (∆Ӫ) และความเร็วเชิงมุม(ϖ) หาได้จากการใช้มือขวากำรอบแกนหมุนให้นิ้วทั้งสี่ (ชี้กลางนางก้อย) ชี้วนไปทางเดียวกับทิศทางการหมุน นิ้วหัวแม่มือทาบไปตามแกนหมุนจะได้ว่าทิศของการกระจัดเชิงมุม (∆Ӫ) และความเร็วเชิงมุม (ϖ) จะชี้ตามแนวชี้ของนิ้วหัวแม่มือ
                ความเร็วเชิงมุม (ϖ) เป็นปริมาณเวกเตอร์จะมีทิศทางเดียวกับ ∆Ӫ หน่วยของความเร็วเชิงมุมเป็นเรเดียน/วินาที (rad/s)
(3)ความเร่งเชิงมุม (angular acceleration)
ความเร่งเชิงมุม (ᾱ) หมายถึง ความเร็วเชิงมุมที่เปลี่ยนไปในเวลาหนึ่งหน่วย ดป็นปริมาณเวกเตอร์ซึ่งเขียนเป็นสมการได้ว่า
                                                        ᾱ   =   ϖ
                                                                   ∆t             
                               
หน่วยของความเร่งเชิงมุมเป็นเรเดียน/วินาทีกำลังสอง    
                ในการหมุนของวัตถุรอบแกนหมุนคงตัวเมื่อพิจารณาการเคลื่อนที่ของมวลย่อยแต่ละก้อนของวัตถุจะมีการเคลื่อนที่แบบวงกลม จะได้ว่ามวลย่อยๆ แต่ละก้อนของวัตถุที่กำลังหมุนมีความเร็วเชิงมุม ϖ ในการหมุนเท่าๆนั้น

2. ทอร์กกับการเคลื่อนที่แบบหมุน
จากความรู้เดิมในเรื่องของโมเมนต์ เราจะเรียกโมเมนต์ของแรงรอบจุดหมุนว่า ทอร์ก โดนทอร์กเป็นปริมากเวกเตอร์มีขนาดเท่ากับ แรงคูณระยะทางที่ลากจากจุดหมุนมาตั้งฉากกับแนวแรงและทิศทางของทอร์กมีทิศตั้งฉากกับระนาบการหมุน
การหาทิศทางของทอร์ก (Ʈ) ทำได้โดยใช้มือขวาในลักษณะกาง นิ้วชี้ นิ้วกลางและนิ้วหัวแม่มือให้ตั้งฉากซึ่งกันและกัน แล้ววางนิ้วชี้ตามแนวรัศมี (r) พุ่งออกจากจุดหมุน ส่วนนิ้วกลางวางแนวชี้ไปทางทิศของแรง (F) จะได้ว่านิ้วหัวแม่มือ ชี้ทิศทางของทอร์ก
                            จากนิยาม            Ʈ   =  Fr
เมื่อ     F  คือ แรงที่กระทำต่อวัตถุในทิศตั้งฉากกับรัศมีของการหมุน หน่วย นิวตัน
          r  คือ   รัศมีของการหมุนของวัตถุ   หน่วย เมตร
          Ʈ คือ   ทอร์กของแรง  หน่วย  นิวตัน.เมตร

เมื่อมีแรง  Ft มากะทำต่อมวล m ในทิศตั้งฉากกับแท่งวัตถุเล็กๆ ตลอดเวลาโดยแนวแรง Ft สัมผัสกับแนววงกลมหรือตั้งฉากกับรัศมี r
จากฎข้อ 2 ของนิวตัน
                                                Ft  =  mat
                                หรือ    Ft . r  =  matr                ..........(1)
                ถ้าภายในช่วงเวลาสั้นๆ ∆t ขนาดของความเร็วในแนวเส้นสัมผัสเปลี่ยนไป  ∆v และขนาดของความเร็วเชิงมุมเปลี่ยนไป  ∆ω  จะได้ว่า
                                                ∆v   =  r∆ω         (v  = ωr )

                หรือ                           ∆ v    =  ∆ ω
                                                   ∆t         ∆t

                ดังนั้น                       a   =  rα

แทนค่า at ใน (1)  จะได้ว่า
                                                Ft . r   =  mr2α            ................. (2)

จากนิยามของทอร์ก  Ʈ   =   Ft.r

                จึงได้ว่า              Ʈ  =  mr2α
      
               และ                α    =         Ʈ                 
                                                          mr2

แสดงว่าเมื่อใช้ทอร์กค่าหนึ่งกระทำต่อวัตถุ  ถ้าวัตถุมีค่า  mr2  มากจะหมุนโดยมีความเร่งเชิงมุม  (α) น้อยค่า mr2  จึงบอกถึงสมบัติการต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพการหมุนหรือความเฉื่อยของการหมุนของวัตถุ ซึ่งเรียกว่า โมเมนต์ความเฉื่อย ( I)   จึงได้ว่า
                                                       I   =  mr2

        โมเมนต์ความเฉื่อยเป็นปริมาณสเกลาร์มีหน่วยเป็นกิโลกรัมเมตรกำลังสอง
        ดังนั้น  ค่าทอร์ก  อาจเขียนใหม่ได้ว่า

                                                                Ʈ  =  Iα

จากสมการที่ได้พบว่าทอร์ก และความเร่งเชิงมุม มีทิศทางเดียวกัน
จากการศึกษาในขั้นสูงขั้นต่อไปพบว่า ค่าโมเมนต์ความเฉื่อยขึ้นอยู่กับมวลและการกระจายของมวลและที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ แกนหมุน ดังนั้น การบอกค่าโมเมนต์ความเฉื่อยต้องบอกด้วยว่าหมุนรอบแกนใด

     3. โมเมนตัมเชิงมุมและกฎการอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุม
ในการทดลองการหมุนของวัตถุพบว่า  ดารรักษาสภาพการหมุนของวัตถุขึ้นอยุ่กับความเร็วเชิงมุมและโมเมนต์ความเฉื่อยของวัตถุ
                ปริมาณที่บอกถึงการรักษาสภาพการหมุนของวัตถุ เรียกว่า โมเมนตัมเชิงมุม (L)  มีค่าเท่ากับ ผลคูณระหว่างโมเมนต์ความเฉื่อย (I)  กับความเร็วเชิงมุม (ω)  จึงเขียนเป็นสมการได้ว่า

                                                                                L  =  Iω

                                โมเมนตัมเชิงมุม(L)เป็นปริมาณเวกเตอร์ มีทิศทางเดียวกับความเร็วเชิงมุม (ω)

  (1)ความสัมพันธ์ระหว่างโมเมนตัมเชิงมุมกับโมเมนตัมเชิงเส้น
เนื่องจากโมเมนตัมเชิงมุมเป็นปริมาณที่บอกถึงสภาพการหมุนของวัตถุ ซึ่งความกับโมเมนตัม (P) หรืออาจเรียกว่าโมเมนตัมเชิงเส้น ซึ่งเป็นปริมาณที่บอกถึงสภาพการเคลื่อนที่ของวัตถุในแนวเส้นตรง เราอาจหาความสัมพันธ์ของปริมาณทั้งสองได้จากสมการที่ศึกษามาแล้วข้างต้น
จาก                                                 Ʈ    =     F . r
                                                             =    mar
                                                             =    m(v2-v1)r            .......(1)
                                                                      t2-t1
                                                                                                                   
                      และ                             Ʈ   =    Iα                                            .........(2)    

ได้ว่า  (1)  =  (2)  ;        m(v2-v1)r       =     Iα                                           
                         t2-t1

                                   m(v2-v1)r       =     I(ω2 –ω1)                                              
                        t2-t1                        t2 –t1

                       ∆mvr            =       ∆Iω
            ได้ว่า                      mvr           =          Iω         =    L
                 ดังนั้น                          L     =  mvr
                      จึงได้ว่า  โมเมนตัมเชิงมุมมีค่าเท่ากับโมเมนต์ของโมเมนตัมเชิงเส้น
                      (2.) ความสัมพันธ์ระหว่างทอร์กกับการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมเชิงมุม
                                   จาก                   Ʈ   =    Iα
                                     หรือ                   Ʈ  =    I(ω)
                                                                          ∆t

                                    เมื่อ   I  คงตัว จะได้    Ʈ     =    (Iω)
                                                                                  ∆t
   
                 
                 หรือ                     Ʈ   =    ∆L
                                                      ∆t

จากสมการที่ได้อาจกล่าวได้ว่า  ทอรืกมีค่าเท่ากับอัตราการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมเชิงมุม

(3) กฎการอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุม
จาก                       Ʈ   =   Iα
เมื่อ     Ʈ = 0 ,        α  =     ω21
                                            t2-t1

ได้ว่า                      0   =   I(ω2-ω1)
                                              t2-t1

เมื่อ  I  ไม่เป็นศูนย์ดังนั้น 
                                                        ω1    =   ω2

                แสดงว่าเมื่อ โมเมนตัมความเฉื่อยมีค่าคงตัว แล้วทอร์กที่มากระทำต่อวัตถุเป็นศูนย์ วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเชิงมุมคงตัว ซึ่งคล้ายกับการเคลื่อนที่แนวตรง เมื่อแรงลัพธ์ที่มากระทำต่อวัตถุเป็นศูนย์วัตถุจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วคงตัว
                นอกจากนี้ทอร์กยังมีความสัมพันธ์กับโมเมนตัมเชิงมุมอีกด้วย
                จาก                     Ʈ  =    ∆L
                                                     ∆t

                เมือ                       Ʈ  =   0       ได้ว่า
                                               
                                             0    =     ∆ L
                                                            ∆ t

                ดังนั้น                   ∆L   =  0
                หรือ                   L- L1  =  0
                ได้ว่า                      L1   =  L2
                จาก                       L       =  Iω   ดังนั้น

                                           I1ω1    =    I2ω2

                จากความสัมพันธ์ที่ได้อาจสรุปได้ว่า   เมื่อทอร์กหรือผลรวมของทอร์กที่กระทำต่อวัตถุที่กำลังหมุนเท่ากับศูนย์วัตถุจะหมุนด้วยความเร็วเชิงมุมคงตัว  นอกจากนี้วัตถุจะมีโมเมนตัมเชิงมุมคงตัวด้วย  ซึ่งเรียกความสัมพันธ์นี้ว่า กฎการอนุรักษ์โมเมนตัมเชิงมุม


  4. พลังงานจลน์ของการเคลื่อนที่แบบหมุน
เมื่อพิจารณาวัตถุซึ่งประกอบด้วยมวลย่อยๆ  คือ m1 , m2 ,..,mn หมุนรอบแกนโดยมวลแต่ละก้อนมีการเคลื่อนที่เป็นแนววงกลม ถ้าพิจารณา ณ เวลาใดเวลาหนึ่ง มวลแต่ละก้อนจะมีความเร็วต่างกันเป็น  V1,v2,...,vn ทำให้มวลย่อยแต้ละก้อนมีพลังงานจลน์เป็น 1  m1v12  ,  1m2v22  ,  1mnvn2
                                                 2                2              2

ถ้าให้ Ek เป็นพลังงานจลน์รวมของมวลย่อย  จะได้ว่า
                          Ek   =    1m1v12   +1m2v22+ ..... +1mnvn2
                                       2              2                    2

                                        = Ʃ (1mivi2)
                                               2

                                       =  1 Ʃmi(ωri)2
                                            2

                                 Ek  =    1Ʃ(miri2   2
                                             2

                จาก       Ʃ(miri2)       =  I

ดังนั้น                            Ek    =   12
                                                 2

เมื่อ      I    คือ  โมเมนต์ความเฉื่อยของการหมุน
           ω  คือ  ความเร็วเชิงมุมของการหมุน
          Ek  คือ   พลังงานจลน์ของการหมุน 



5. การเคลื่อนที่ทั้งแบบเลื่อนตำแหน่งและหมุน
การเคลื่อนที่ของวัตถุบางครั้งอาจมีการเคลื่อนที่แบบเลื่อนตำแหน่งร่วมกับการเคลื่อนที่แบบหมุนด้วย เช่น การเคลื่อนที่ของลูกบอก ลูกกอล์ฟ ลูกเทนนิส ลูกปิงปอง ล้อรถจักรยาน ซึ่งเป็นการหมุน  รอบจุดศูนย์กลางมวล (เมื่อเคลื่อนที่อย่างอิสระ) และเป็นการหมุนรอบแกนคงตัว
               เมื่อพิจารณาค่าพลังงานจลน์ของการเคลื่อนที่แบบกลิ้งของวัตถุจึงมีค่าเท่ากับผลรวมของพลังงานจลน์ของการเคลื่อนที่ทั้งสองแบบคือ


พลังงานจลน์ของการกลิ้ง   =   พลังงานของการเคลื่อนที่แบบเลื่อนตำแหน่ง +  พลังงานของการเคลื่อนที่แบบแบบหมุน

                                ดังนั้น      Ek(กลิ้ง)      =    mv2   +  2
                                                                                          2                  2

6. การทำงานในการหมุน
ในการหมุนของวัตถุที่ไม่เปลี่ยนทิศของแกนหมุน  เมื่อมีทอร์กคงที่กระทำโดยมีแกนหมุนคงตัว ย่อมทำให้พลังงานจลน์ของการหมุนเปลี่ยนแปลง  ซึ่งคล้ายกับการเปลี่ยนแปลงพลังงานจลน์ของวัตถุเมื่อมีงานมากระทำต่อวัตถุนั้น ดังนั้น งานของทอร์กคงที่ประทำต่อวัตถุ จึงมีค่าเท่ากับ พลังงานจลน์ของการหมุนที่เปลี่ยนไป เขียนเป็นสมการได้ว่า 
                                                       W   =  ∆Ek
                                                =   2  -  1 Iω๐2
                                                      2             2
                                                 =    I (ω2  - ω๐2)
                                                                          2
                                                                  =   I (2 αƟ)
                                                       2

                                                   =   (Iα)Ɵ
                                                   W     =   ƮƟ
จากสมการที่ได้แสดงว่า เมื่อมีทอร์กขนาดคงที่กระทำต่อวัตถุทำให้การกระจัดเชิงมุมเปลี่ยนไป  (Ɵ)  จะทำให้เกิดงานของการหมุน (W) 
                นอกจากนี้ ยังสามารถหากำลังในการหมุนได้จากนิยามกำบังในการหมุน คือ อัตราการทำงานในการหมุน หรือ งานที่ทำได้ในเวลา 1 หน่วย เขียนเป็นสมการได้ว่า
                                                            P  =  W
                                                                      t
                                                                                                                                                                                                                                                     =  ƮƟ         ( Ɵ   =  ω)
                                                                       t              t


                                                            P   =  Ʈω

            เมื่อ  Ʈ  คือ ทอร์กคงที่กระทำต่อวัตถุ
                        ω คือ อัตราเร็วเชิงมุมของการหมุน
                       P คือ  กำลังของการหมุน
การเปรียบเทียบปริมาณเชิงเส้นกับปริมาณเชิงมุม
                ในการศึกษาการเคลื่อนที่แบบหมุน  พบว่าปัญหาในการจำสูตรการคำนวณ ค่อนข้างยาก เราจึงอาจใช้สูตรในการเคลื่อนที่แนวตรงมาเทียบเคียงให้จำได้ง่ายขึ้น โดยการเปรียบเทียบปริมาณเชิงเส้นกับเชิงมุม
  1. การกระจัดเชิงเส้น   (s)   =   การกระจัดเชิงมุม  (Ɵ)
  2. ความเร็วเชิงเส้น   (v)   =   ความเร็วเชิงมุม  (ω)
  3. ความเร่งเชิงเส้น    (a)   =   ความเร่งเชิงมุม   (α)
  4. มวล(ความเฉื่อย) (m)    =   โมเมนต์ความเฉื่อย  (I)
  5. แรงกระทำ        (F)      =    ทอร์ก   (Ʈ)
  6. โมเมนตัมเชิงเส้น (P)     =  โมเมนตัมเชิงมุม    (L)



อ้างอิงจาก
สรุปจาก หนังสือ คัมภีรืฟิสิกส์ สำนักพิมพ์ พ.ศ.พัฒนา

ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม